สรรพคุณ น้ำอสุจิ

สรรพคุณ น้ำอสุจิ สายธารมหัศจรรย์ น้ำอสุจิ สรรพคุณมหาศาล
สตรียุคใหม่ส่วนใหญ่ ตระหนักถึงประโยชน์กันทั่ว ไม่รังเกียจ …

** ว่าด้วยเรื่องสรรพคุณของน้ำอสุจิ (ไม่ลามกนะ)**
น้ำกามหรือน้ำเชื้ออสุจิจากร่างกายชายชาตรีนั้น ทรงคุณค่าต่อการ
สืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษยชาติเหลือล้นแค่ไหน…คงไม่ต้องสาธยายซ้ำซาก

แต่หากพูดถึงผลประโยชน์ด้านอื่น หลายท่านอาจไม่รู้ว่า
ตะละปิ๊ดแห่ง ” ธารารัก ” ที่สรีระบุรุษ กลั่นกรองอย่างยากเย็น ใช้พลังงาน
และสารพัดสารอาหารจำนวนมากมหาศาล ผลิตผลจึงมีคุณค่าเพียบพร้อม
ทั้งโปรตีน ไวตามิน และสารบำรุงผิวพรรณ

สรรพคุณ น้ำอสุจิ
สรรพคุณ น้ำอสุจิ ภาพประกอบจาก อินเทอร์เน็ต

สตรียุคใหม่ส่วนใหญ่ตระหนักถึงประโยชน์กันทั่ว จึงไม่รังเกียจ
” สายธารมหัศจรรย์ ” อันพุ่งกระฉูดออกผ่าน ” ลำเจ้าโลก ” อาวุธประจำกายชาย

ลินเมย์ กล้าเอาหัวการันตีสรรพคุณน้ำมะเหนียก เพราะช่วงแสดง
หนังปลุกเซ็กซ์ เธอต้องแอ่นใบหน้าและเรือนกายรองรับน้ำอสุจิ
และเคล้าคลึงละเลงทำให้ผิวพรรณ ” อ่อนกว่าวัย ” ปัจจุบันก็ยังเต่งตึง
นวลเนียน เปล่งปลั่ง แทบไร้ริ้วรอย

สาวๆท่านได้ที่เคยสัมผัสริ้มรส คงรู้ว่าเป็นเช่นไร หรือใครจะลองทำบ้างก็คงไม่แปลกใช่ไหมค่ะ!!
ที่มา เก็บตกกระทู้จากเน็ตโดย news.matethai.com

4 thoughts on “สรรพคุณ น้ำอสุจิ”

  1. ราดหน้า 18+
    เรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ เป็นการพยายามทำความเข้าใจกับประเด็นทางวัฒนธรรมชนิดที่อาจจะฟังดูล่อแหลมไป บ้าง แต่ไม่ได้มีเจตนาจะหยาบคายหรือทำให้พื้นที่นี้เสื่อมแต่ประการใด แล้วขอออกตัวด้วยว่าความรู้ที่นำมาอธิบายในที่นี้ ผมเองไม่ได้เริ่มต้นคิด แต่ได้รับการชี้แนะจากมิตรสหายในแวดวงที่ทรงความรู้สองคน ได้นั่งคุยถกเถียงกันในระหว่างที่แอ่นเบียร์อยู่ในสถานที่ๆ คุ้นเคยกันแห่งหนึ่ง ซึ่งผมเดาเอาว่าทั้งสองคนคงไม่มีใครอยากจะให้ผมเอ่ยนาม ก็เอาเป็นแค่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้ผมได้รับการชี้แนะจากบุคคลทั้งสองนี้เป็น ปฐมก็แล้วกัน

    การหลั่งน้ำอสุจิลงบนใบหน้าของฝ่ายหญิงที่เราพบบ่อยใน หนัง AV ทั้งหลาย มีประวัติความเป็นมายาวนาน ผมพบจาก wikipedia ว่า ในหนังสือ the 120 days of Sodom ของ Marquis de Sade ก็มีเขียนถึงการกระทำแบบนี้ไว้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1785 ข้อความในหนังสือของ Sade ดูราวกับว่าน้ำเชื้อนั้นก็คือสัญลักษณ์ของความปรารถนาของฝ่ายชาย และฝ่ายหญิงก็สมควรที่จะต้องรองรับมันไว้ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ดูเหมือนการราดรดลงบนหน้าจะเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมกว่าการหลั่งในร่างกาย ฝ่ายหญิง (ที่เราไม่ได้เห็นน้ำเชื้อ) ตรงที่เราได้เห็นหลักฐานอย่างชัดๆ และใบหน้า ดวงตา ของฝ่ายหญิงไปพร้อมๆ กัน ซึ่งนับเป็นการปฏิสัมพันธ์กันทางสายตาและการรับรู้ผ่านน้ำเชื้อที่ราดลงที่ ใบหน้าอย่างโจ่งแจ้งและเปิดเผยที่สุดนั่นเอง

    ว่ากันว่าจากการ วิเคราะห์หนังโป๊ในปัจจุบัน ในฉากที่มีการหลั่งข้างนอก จุดที่ฝ่ายชายหลั่งนั้นมักจะเป็นในปากฝ่ายหญิง หรือไม่ก็เป็นบนใบหน้า โดยเฉพาะการหลั่งบนใบหน้านี้เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของจำนวนฉากที่หลั่งภาย นอกแล้ว มีปริมาณสูงถึง 62 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว

    นักจิตวิทยาบางคน วิเคราะห์ปรากฏการณ์แบบนี้ว่าเป็นอาการทางจิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Paraphilia การราดรดน้ำเชื้อลงบนใบหน้าของฝ่ายหญิงคือการกระทำที่ผิดธรรมชาติ และมีลักษณะของการเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ (Humiliation) ที่ทำให้เกิดการกระตุ้นเร้าทางเพศในลักษณาการที่ผิดปกติ

    ซึ่งก็ย่อม ต้องตรงใจกับพวกนักสิทธิสตรีที่ออกมาป่าวร้องกันว่า การหลั่งที่ใบหน้า (Facial หรือ gansha ในภาษาญี่ปุ่น) เป็นความวิปริตของเพศชายที่จงใจทำให้เพศหญิงมีสถานะเป็นเพียงเครื่องเล่นทาง เพศเท่านั้น ยิ่ง Andrea Dworkin นักต่อต้านหนังโป๊นี่ฟันธงไปเลยว่าฉาก ”ราดหน้า” แบบนี้คือการเหยียดหยามสตรีเพศ และทำให้เพศหญิงมีสถานะเป็นเพียงสิ่งของที่ไร้ชีวิต ยิ่งการราดหน้านั้นก็คือการทำให้เพศหญิงกลายเป็นสิ่งสกปรก เพราะต้องรองรับความสกปรกของเพศชายไว้บนใบหน้านั่นเอง (ข้อคิดนี้ตรงกับความหมายของคำว่า “อสุจิ” ในภาษาไทย (รากภาษาบาลี) ที่แปลว่าไม่สะอาด, สกปรก – พจนานุกรมฉบับมติชน)

    และในภาพยนตร์ เรื่อง Strawberry Shortcakes ของ Yazaki Hitoshi (2006) ก็แสดงนัยยะนี้ไว้อย่างชัดเจน เมื่อหญิงสาวตัวเอกคนหนึ่งของเรื่อง ที่ตลอดชีวิตเฝ้าคิดฝันจะตามจับผู้ชายให้ได้สักคนหนึ่ง เธอยอมทุกอย่างให้กับเขา และยอมรับการ “ราดหน้า” นี้อย่างขื่นๆ ซึ่งหนังแสดงให้เราเห็นภายหลังจากเสร็จกิจเลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เห็นเธอ เป็นอะไรที่มากไปกว่าเครื่องเล่นทางเพศเลย

    แล้วถ้ามองลงไปให้ลึกกว่า นั้น ผมคิดว่าการหลั่งภายนอกร่างกายเพศหญิง โดยเฉพาะการ “ราดหน้า” นี้ ในสังคมตะวันตก โดยนัยหนึ่งมันก็คือการต่อต้านแนวคิดแบบคริสต์ศาสนากระแสหลักนั่นแหละ ที่มักจะพร่ำสอนว่าการร่วมเพศนั้นเป็นไปเพื่อการสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่า นั้น การหลั่งลงบนใบหน้าฝ่ายหญิงก็คือการประกาศดังๆ ว่าฉันไม่ได้ต้องการสืบพันธุ์ แต่ฉันต้องการความสนุกต่างหาก!

    การ “ราดหน้า” พัฒนาไปสู่สิ่งที่เรียกว่า Bukkake ในเวลาต่อมา (Bukkake ตามรากศัพท์มาจากภาษาญี่ปุ่นอาจแปลได้ว่าการราดรดบางสิ่ง ตรงกับคำว่าราดหน้าของเรานั่นแหละ เพราะอาหารประเภทราดหน้าของเขาก็ใช้คำนี้กำกับเหมือนกัน) การทำ Bukkake ก็คือการที่หญิงสาวคนหนึ่งต้องรับการหลั่งน้ำเชื้อลงบนใบหน้าจากผู้ชายหลาย คน (บางครั้งร่วมร้อยคน) การทำ Bukkake ปรากฏขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษที่ 1980 ในหนัง AV ญี่ปุ่น และแพร่หลายไปสู่ทางตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา กล่าวกันว่าการทำหนัง Bukkake นั้นมีต้นทุนต่ำเป็นพิเศษเพราะต้องการนางเอกเพียงคนเดียว และเหล่าผู้ชายหลากหลายที่จะมาหลั่งน้ำเชื้อนั้นก็เป็นเพียงนักแสดงสมัคร เล่นที่ต้องการค่าตัวเพียงน้อยนิด (แต่อย่างไรก็ตามในช่วงหลังๆ ดารา AV ฝ่ายหญิงที่จะทำ Bukkake ให้ขายได้นั้นย่อมจำเป็นที่จะต้องมีความสวยระดับหนึ่ง ซึ่งก็ย่อมต้องการดาราดังขนาดอย่าง Nayuka Mine หรือ Maria Ozawa ที่มีค่าตัวไม่น้อยเลยทีเดียว)

    แต่ส่วนการที่ภาพยนตร์ AV ญี่ปุ่นนิยมทำหนัง Bukkake นั้น กล่าวกันว่ามีสาเหตุหนึ่งมาจากการเซ็นเซอร์ของกฏหมายญี่ปุ่นที่ห้ามไม่ให้ แสดงอวัยวะเพศให้เห็นในภาพยนตร์นั่นเอง

    ซึ่งผลก็คือผู้กำกับส่วนมาก จึงหันมาขับเน้นเรื่องเรือนร่างของดารา แทนที่จะเน้นไปที่อวัยวะเพศ และด้วยช่องว่างของกฏหมายที่ไม่ได้ห้ามการเผยแพร่ภาพน้ำเชื้อของฝ่ายชาย การราดรดน้ำเชื้อลงที่ใบหน้าของฝ่ายหญิงจึงกระทำได้อย่างโจ่งแจ้ง และขับเน้นความงามของหน้าตาฝ่ายหญิงได้ในขณะเดียวกันกับการแสดงให้เห็นถึง การถึงจุดสุดยอดที่เป็น climax ของเรื่อง

    ฐานคิดต่อต้านอำนาจรัฐเช่น นี้จึงไม่ต่างไปจากงานของ Nobuyoshi Araki ช่างภาพนู้ดชื่อดังชาวญี่ปุ่น ที่ในช่วงหนึ่งจงใจต่อสู้กับอำนาจในการเซ็นเซอร์ของรัฐ ด้วยการราดน้ำเชื้อไปบนภาพถ่ายของตัวเอง โดยเฉพาะตรงจุดสงวนที่ทางรัฐห้ามเผยแพร่ บดบังอวัยวะต้องห้ามไปด้วยสิ่งที่รัฐเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมัน

    การ “ราดหน้า” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของ Paraphilia อีกต่อไป แต่กลับมีแนวโน้มเป็นงานศิลปะที่ทำการต่อต้านอำนาจรัฐ และมีนัยยะถึงจิตสำนึกบางอย่างของมนุษยชาติ ว่าด้วยเรื่องของความสะอาดและสกปรก เพราะใบหน้าสวยงามของดารา AV นั้นย่อมสะอาด ขณะที่ความสกปรกของน้ำเชื้อนั้นคือความหมายพิเศษที่ต้องศึกษา

    เพราะ ความสกปรกนั้นหมายถึงความชั่วร้าย และความสะอาดก็หมายถึงความดีงามสูงส่ง ในขณะที่จิตวิทยาที่ซับซ้อนของมนุษย์กลับต้องการทั้งสองแบบ ลักษณะทวินิยมเป็นบุคลิกของมนุษย์ไม่ว่าจะในยุคสมัยใด การผสานความสะอาดเข้ากับความสกปรกเป็นสภาวะที่แปลกประหลาดแต่ก็เป็นจริง หนัง cult อย่าง Pink Flamingos ของ John Waters ในปี ค.ศ. 1972 นั้นจึงถึงกับมีฉากสุดท้ายที่ให้ตัวละครหญิงโสเภณีหยิบอึหมาขึ้นมากินเห็นๆ อย่างน่าสยดสยอง หรืออย่างหนังเรื่อง In the realm of the senses ของ Nagisa Oshima (1976) นั้นก็นำเสนอเรื่องเพศในทางที่ซ้ำซากน่ารังเกียจและหดหู่ไม่แพ้กัน

    แต่ เท่าที่ผมรู้ การ “ราดหน้า” นี้ในชีวิตปกติก็หาทำกันได้ง่ายๆ ไม่ มันต้องการความเข้าใจและความเห็นพ้องต้องกันระหว่างบุคคลที่มีอะไรกัน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่การกระทำสิ่งนี้จะไม่โยงไปหาความคิดเรื่องการดู ถูกดูหมิ่น และในสังคมทั่วๆ ไป (หลายๆ แห่งโดยเฉพาะสังคมไทย) ย่อมยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างยากเย็นยิ่ง

    แต่ถ้ารู้เห็นเป็นใจ กันละก็ การ “ราดหน้า” นั้นย่อมไม่ต่างไปจากงานศิลปะ และมันคือศิลปะที่ผลิตขึ้นโดยความยินยอมพร้อมใจของคู่บุคคลพิเศษที่ยอมรับใน ตัวตนและอัตตาที่สูญสลายเท่านั้น

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/insanetheater/2009/07/19/entry-1

Leave a Reply