หญิงขายบริการ

หญิงขายบริการ – ขายบริการ xxx 10
“สิทธิและมาตรการดูแลสุขภาพหญิงขายบริการต้องทั่วถึง” หลังเปิดอาเซียน
ภาพรวมของธุรกิจขายบริการในจังหวัดนครพนมค่อนข้างดี อย่างค่าตัวน้องๆ ที่นี่แพงที่สุดกว่าทุกจังหวัดที่เคยสำรวจมา บางคนได้ครั้งละ 4,500 บาท อย่างต่ำๆ ก็ 1,500 บาท ซึ่งสูงมากมันทำให้ธุรกิจที่นี่คึกคัก ลูกค้าก็มีทุกกลุ่มข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ รวมถึงนักท่องเที่ยว

“สิทธิและมาตรการดูแลสุขภาพหญิงขายบริการต้องทั่วถึง” หลังเปิดอาเซียน
ยิ่งใกล้วันที่ประเทศต่างๆ ในประชาคมอาเซียนเร่งเปิดประตูประเทศเพื่อเชื่อมสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ท่ามกลางยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่จะต้องเข้มแข็งและพึ่งพากันให้ได้ในกระแสทุนนิยมเสรี ประชาชนทุกระดับชั้นจึงต่างขวนขวายไขว่หาความมั่งคั่งเพื่อความสุขสบาย ที่ปัจจุบันทุกอย่างซื้อได้ ด้วยสินค้านานาชนิดกำลังเดินทางไปถึงมือผู้มีเงิน

พลังของเศรษฐกิจ โลกาภิวัตน์ และการบริโภคเช่นนี้ เขย่าวิถีชีวิตทุกรูปแบบ ทุกอาณาเขตประเทศ ทุกชาติพันธุ์วัฒนธรรม ให้จำต้องดิ้นรนมากขึ้นๆ ทำให้ครอบครัวนับแสนนับล้านที่ล้มละลายทางเศรษฐกิจ และพยายามผันตัว เปลี่ยนวิถี ทำสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงิน แม้กระทั่งยอมขายลูกสาว แต่วัยเยาว์ หรือที่เรียกว่าตกเขียว ซึ่งเมื่อ 2-3 ทศวรรษก่อนประเทศไทยก็เคยลือชื่อในเรื่องนี้ แต่ ในเวลานี้ ลาว พม่า เขมร ก็เริ่มได้ยิน กลายเป็นธุรกิจขายบริการที่นำเงินตราเข้าประเทศมหาศาล

เมื่อธุรกิจขายบริการก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจ คนเหลานี้ก็ต้องถูกนับว่าเป็นแรงงาน และกฎหมาย รวมถึงรัฐจะต้องคุ้มครอง ดูแลอย่างเท่าเทียม เหมือนแรงงานทั่วไป โดยเฉพาะเกี่ยวกับสุขภาพ

น.ส.ปภัชญา สิมรัมย์ เจ้าหน้าที่บ้านเทนครพนม มูลนิธิพัฒนาอีสาน ซึ่งเป็นโครงการที่เข้ามาดูแลสุขภาพ ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้กับหญิงสาวที่มีอาชีพขายบริการทั้งชาวไทยและชาวลาว ที่ข้ามฝั่งมาเข้ามา โดย น.ส.ปภัชญา กล่าวถึงประสบการณ์แรกๆ และที่มาของโครงการ ว่า กว่าจะเข้าไปทำงาน เข้าถึงจิตใจผู้ประกอบการ คนขายบริการได้ ก็ใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ เพราะหญิงสาวที่เข้ามาขายบริการ โดยเฉพาะกลุ่มไซต์ไลน์ ยังไม่มีองค์กรใดสร้างระบบการดูแลสุขภาพขึ้นมาเลย

“แรกเราต้องไปนั่ง ใช้วิธีการไปนั่งดื่มเหมือนกัน เหมือนกับน้อง ไปสังเกตเอา ไปดูว่าพอน้องๆ เขาตกลงราคากันได้เขาก็จะออกไปกัน สังเกตดูกลุ่ม ไซต์ไลน์จะเป็นแบบนี้ กลุ่มที่เราดูแลถ้าเราเข้าถึง เราก็จะไปให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่เป็นคนทั้งสองฝั่งนี่แหละ ต่างกันแค่น้องๆ จากฝั่งนู้น เขายังไม่ได้สิทธิ์การรักษาพยาบาล เวลาเขาสนใจไปตรวจเขาก็จะเสียตังค์เอง แต่เราก็เป็นคนพาเขาไป เพราะโรงพยาบาลไม่มีคลีนิกเฉพาะให้ ตอนนี้เข้าใจว่ากำลังทำอยู่ ดังนั้น เวลาน้องไปตรวจร่วมกับคนอื่นๆ ก็ใช้เวลานาน

โครงการเราได้รับเงินสนุบสนันมาจากกองทุนโลก ซึ่งทางกองทุนโลกเขาอยากให้เน้นกลุ่มเป้าหมายที่เข้าถึงยาก ซึ่งก็หมายถึงกลุ่มไซต์ไลน์นี้แหละ ทำให้มาเน้นซึ่งเรามีระยะเวลาทำงาน 5 ปี ตอนนี้ก็เหลือ 3 ปี ตอนแรกทำอยู่ทางพื้นที่ อ.ธาตุพนม แต่หน่วยงานก็อยากให้โยกย้ายมาดูแลพื้นที่นครพนมเพราะเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มเสี่ยงมากกว่า

การทำงานแรกๆ ก็ต้องมาทำความเข้าใจกับเจ้าของร้าน ซึ่งแรกๆ เขาก็ให้ความสนใจน้อยมาก ส่วนภาครัฐเขาให้ความสนใจมากอยู่ อย่างสถานประกอบการ เขาก็มีบริการให้ตรวจสุขภาพฟรีปีละ 2 ครั้ง อยู่แล้ว แต่ภาครัฐจะมีปัญหาคือไม่มีเวลาลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกเหมือนเรา เรานี่สามารถไปหาน้องๆ ตามร้านได้ทุกวัน “ น.ส.ปภัชญา กล่าวเกริ่น ก่อนจะอธิบายเกี่ยวกับรูปแบบและที่มาทำให้เกิดสาวขายบริการให้ฟังว่า

“โดยรูปแบบน้องๆ ไซต์ไลน์ก็ไปนั่งตามร้านคาราโอเกะ เหมือนปกติ ส่วนปัญหาคือน้องๆ ไม่ค่อยกล้าไปหาหมอเวลามีโรคขึ้นมา ก็มีโรคจำพวกตกขาว หูดหงอนไก่ อะไรพวกนี้แหละ เราก็พาน้องๆ ไปหาหมอให้หมอรักษา ก็เรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นน้องๆ จากฝั่งลาว ซึ่งเขาเสียสตังค์เอง ที่เราพาไปเพราะว่าเวลาทำบัตรทำอะไรมันจะง่ายขึ้น เพราะคอยประสานให้ ส่วนสถิติ เรื่องอัตราว่าลดลงหรือเพิ่มขึ้น มันคงยังชี้วัดไม่ได้เพราะเพิ่งมาทำได้ไม่กี่เดือน มันก็เลยยังทำงานกันยากอยู่ ยังเข้าไม่ถึงอีกมาก แต่ถ้ามองจากเวลาเท่านี้ก็บอกได้แต่เพียงว่า บางเดือนก็มากบางเดือนก็น้อย บางเดือนก็ไม่มีเลย เข้าใจว่าน่าจะมีการเคลื่อนย้ายไปมาในพื้นที่ 2-3 อำเภอแถวนี้ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นเด็กใหม่ อายุหญิงขายบริการที่นี่ ก็ราว 15-25 ปี

ส่วนที่มาของเด็กๆ ที่ต้องก้าวเข้ามาทำอาชีพพวกนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากพ่อกับแม่ ที่มีลูกสาวแล้วเขาจะส่งมาทำงานที่ฝั่งเรา ซึ่งจะทำให้การเงินดีขึ้น วิธีการก็ง่ายๆ คือเจ้าของร้านเขาจะให้ก่อน 10,000 บาทแล้วให้ลูกสาวมาทำงานใช้หนี้ เหมือนการตกเขียว แล้วจากนั้นเด็กๆ ก็ทำงานใช้หนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะทำจนใช้หนี้หมด สร้างบ้านซื้อรถได้ให้พ่อแม่เสร็จ ก็จะกลับไปแต่งงาน น้องๆ บางคนที่มาทำงานนี้รายได้เขาไม่ใช่น้อยๆ เดือนละหลายหมื่นบาท จนถึงแสนบาท อันนี้หมายถึงเด็กๆ ที่นั่งในคาราโอเกะ แต่ถ้าเป็นเด็กสาวใจแตกที่หาเงินมาซื้อโทรศัพท์ ซื้อผ้า เที่ยว ก็จะเป็นกลุ่มเด็กไซต์ไลน์มากกว่า

เด็กพวกนี้ส่วนมากชีวิตน่ารันทดนะ สำหรับเด็กๆ ที่มาจากฝั่งนู้น แต่ละคนฝันกันว่าพอเก็บเงินได้ก็อยากกลับไปแต่งงาน มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนปกติ เงินที่หาได้ส่วนใหญ่ก็เอาไปทำบ้าน ซื้อที่ ซื้อรถ ก็ประมาณนี้แหละ ส่วนเด็กสาวทางฝั่งไทยส่วนมากก็แค่ต้องการหาเงินมาซื้อของใช้ส่วนตัว เสี่ยส่วนใหญ่ แต่ก็มีที่ทางบ้านลำบากจริงๆ จึง ต้องทำเพื่อครอบครัวค่ะ” น.ส.ปภัชญากล่าวย้ำ พร้อมทั้งเสริมแนวทางการทำงานของโครงการอีก ว่า

“แนวทางการทำงานระยะยาวของเราคือ เรากำลังเตรียมคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทำงาน ชื่อ นักสื่อสารสุขภาพ เพราะว่าเรามาอยู่ไม่นาน ดังนั้น เขาต้องมีกลุ่มมีทีมไว้คอยดูแลกันเอง เราคัดสรรน้องที่ทำงานเหล่านี้แหละและมีใจอาสาช่วย มาให้ความรู้ต่างๆ ทั้งเรื่องสิทธิ เรื่องการรักษา การพาเพื่อนไปส่งต่อที่โรงพยาบาล เพื่อให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้ ในวันข้างหน้า ภารกิจที่สองที่อยากจะผลักดันให้สำเร็จคือ ประสานให้ผู้ประกอบการรวมตัวกันเป็นเครือข่าย หมายถึงว่าเวลามีน้องใหม่เข้ามาให้โทรประสานเรา เพื่อให้เราไปให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้กับน้องๆ นี่เป็นภารกิจในสองปีที่เหลือนี้นะค่ะ

ส่วนหนึ่งก็เกริ่นไปตามสถานที่ประกอบการไปบ้างแล้ว และจะนัดประชุมกันครั้งแรกวันที่ 10 ก.พ.นี้แหละค่ะ การมาคุยกันมันจะได้อะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยๆ การเข้าร่วม ก็ทำให้มาพบกัน บวกกับทางเราและทาง สสจ.ก็มาร่วมประชุมชนด้วย อีกทั้ง ที่อยากสร้างเครือข่ายให้กับสถานประกอบการเพราะอยากให้เขาให้ความสำคัญกับน้องๆ ซึ่งทำงานเพื่อร้าน อยากให้เขาดูแลสิทธิน้องเค้าบ้าง

เพราะภาพรวมของธุรกิจขายบริการในจังหวัดนครพนมค่อนข้างดี อย่างค่าตัวน้องๆ ที่นี่แพงที่สุดกว่าทุกจังหวัดที่เคยสำรวจมา บางคนได้ครั้งละ 4,500 บาท อย่างต่ำๆ ก็ 1,500 บาท ซึ่งสูงมากมันทำให้ธุรกิจที่นี่คึกคัก ลูกค้าก็มีทุกกลุ่มข้าราชการ นักการเมือง นักธุรกิจ รวมถึงนักท่องเที่ยว ดังนั้น ปัญหาเรื่องอื่นๆ ถูกแก้ไปมาก สะดวกขึ้น ยกเว้นเรื่องสิทธิในการรักษาพยาบาล ที่เค้ายังไม่ได้รับสิทธิใดๆ เลยทั้งๆ ที่เขามีส่วนในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่บางร้านเขาก็มีการดูแลให้ มีบัตรโรงพยาบาล มีอะไรใช้ได้อยู่ค่ะ ในองค์กรเราเองก็พอมี แต่มันไม่พอหรอก เพราะน้องๆ เยอะมาก” น.ส.ปภัชญากล่าว

น.ส.สุกัญญา ทิมพิลา เจ้าหน้าที่ภาคสนามบ้านเนท นครพนม มูลนิธิพัฒนาอีสาน กล่าวเสริมในเรื่องความห่วงใยหลังเปิดเสรีอาเซียน ว่าจะมีหญิงสาวหลั่งไหลมาจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ในขณะที่กลไกลการดูแลสุขภาพยังไม่พร้อม ทำให้โครงการนี้วางแผนสร้างคนรุ่นใหม่ เพื่ออาสาสมัคร

“คิดว่าแน่นอนอยู่แล้วหากประเทศเราและประเทศเพื่อนเปิดประเทศตามนโยบายอาเซียน หญิงสาวจากที่ต่างๆ จะหลั่งไหลเข้ามาขายบริการมากขึ้น นักท่องเที่ยว ร้านค้าบริการก็จะยิ่งโตขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้แค่เปิดสะพานมิตรภาพแห่งใหม่ ก็เห็นว่ามีแขกมีนักท่องเที่ยว มีน้องๆ เข้ามาเยอะขึ้นมาก ค่ะ

แผนงานของเราตอนนี้ คืออยากสร้างนักสื่อสารสุขภาพเอาไว้ เพราะโครงการนี้มีเวลาสิ้นสุดอีกแค่ 3 ปี ดังนั้น เราอยากสร้างอาสาสมัครคนรุ่นใหม่มาเป็นทีมคอยช่วยเหลือ คอยให้คำปรึกษาไว้ประจำร้านทุกร้าน ส่วนภาครัฐ อย่างโรงพยาบาลตอนนี้ก็มีแผนการเตรียมห้องพิเศษเพื่อให้น้องเขามาตรวจได้โดยตรง หมายถึงภาครัฐเราเองก็เห็นความสำคัญแล้วในตอนนี้

ส่วนการขยับบทบาทไปสู่การแก้ปัญหาที่ต้นตอ คงยังไม่สามารถก้าวไปถึงนั้นได้ เราห้ามเขาเข้ามาทำอาชีพนี้ก็ไม่ได้ เราทำได้แค่ให้ความรู้ในการดูแลตัวเองของเขา และรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของเขาเอง นอกนั้นก็เตรียมอบรมอาชีพเสริม หรืออาชีพใหม่ให้กับน้องๆ ที่อยากหยุดหรืออยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ เราหาครูมาสอนมาฝึกให้ เช่น เรียนทำดอกไม้ประดิษฐ์ เรียนเสริมสวย โดยมีเงื่อนไขว่า น้องๆ จะต้องรวมตัวกันมา 4-5 คน ขึ้นไปก่อนนะ เพราะกำลังเราตอนนี้ทำได้แค่หาวิทยากรมาสอนให้ แต่ไม่มีงบลงทุนให้นะค่ะ แต่น้องๆ ก็ยังสนใจน้อยมากในเรื่องนี้ หมายความว่าไม่ค่อยอยากเปลี่ยนอาชีพ นะกันนะค่ะ” น.ส.สุกัญญา ย้ำ
ที่มา thaingo.org